Open SQL
ข้อดีของการใช้ Open SQL ในการเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลของระบบ SAP R/3 คือประการแรก มันเป็นภาษามาตรฐานของระบบ SAP ดังนั้นไม่ว่าคุณจะใช้ระบบ SAP บนดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ของ ORACLE, Informix, DB2 หรือแม้แต่ MS SQL Server ก็ตาม ภาษา SQL ที่คุณใช้ จะมีรูปแบบหรือซินแท็กซ์ที่เหมือนกันหมด นอกจากนี้เมื่อใดก็ตามที่มีการใช้ Open SQL ในการเข้าถึงข้อมูลที่ฐานข้อมูล ระบบจะค้นหาข้อมูลที่ Table Buffer ในหน่วยความจำของ Application Server (R/3 Instance) ก่อนเสมอ และถ้าพบข้อมูลที่ต้องการ ระบบก็จะไม่ส่งคำสั่ง SQL Request นี้ ไปที่ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ Database Server แต่อย่างใด ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานด้วยถ้ายังจำขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม ABAP ในระบบ SAP R/3 กันได้ การทำงานของโปรแกรม ABAP จะเป็นลักษณะของ Interpreter ก็คือเมื่อ Taskhandler พิจารณาคำสั่งในโปรแกรม ABAP ที่มันกำลังทำงานอยู่แล้ว พบว่าเป็นคำสั่งประเภท Open SQL มันจะส่งคำสั่ง Open SQL นี้ไปให้กับ DB Interface ทำงานตามหน้าที่ของมัน คือแปลงคำสั่ง Open SQL ให้เป็น Native SQL เพื่อส่งไปยังดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ต่อไป (กรณีที่ข้อมูลที่ต้องการไม่มีอยู่ใน Table Buffer) เพราะว่าดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ไม่รู้จักคำสั่ง Open SQL ดังนั้น DB Interface จึงทำหน้าที่เหมือนกับล่ามในการแปลภาษา Open SQL ของ SAP ให้เป็น Native SQL ตามดาต้าเบสเอ็นจิ้นในระบบ SAP R/3
.....รูปที่ 1. ด้วยลักษณะของโปรแกรม ABAP ที่ทำงานแบบ Interpreter หลังจาก Taskhandler พิจารณาคำสั่งแล้วพบว่าเป็น Open SQL มันจะส่งต่อไปให้กับ DB Interface แปลงคำสั่ง Open SQL ให้เป็น Native SQL.....
สำหรับคำสั่ง Open SQL นั้น จะมีอยู่ด้วยกัน 4 คำสั่งหลักคือ
ซึ่งในส่วนต่อไปนี้ ผมจะกล่าวถึงเฉพาะคำสั่ง Select เท่านั้นนะครับ สำหรับซินแท็กซ์ของคำสั่ง Select จะเป็นดังนี้
Select Which columns?
Into Where to place the record?
From Which table?
Where Which lines?
เช่น ถ้าเราต้องการอ่านข้อมูลของตาราง customers ที่ฐานข้อมูลของดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ โดยที่สมมติว่าในตาราง customers มีข้อมูลดังต่อไปนี้
Tables customers.
Select * from customers.
Write: / customers-id, customers-name.
Endselect.
โดยที่คำสั่ง select * from customers ซึ่งจะต้องปิดด้วย Endselect นั้น จะเป็นคำสั่งประเภทบล็อกที่มีการวนลูป พร้อมทั้งอ่านข้อมูลในแบบหลายเรคอร์ดหรือ Multiple Record จากตารางที่ระบุหลัง From ซึ่งในที่นี้คือ ตาราง customers นั่นเอง และเมื่อใดก็ตามที่เราต้องการอ่านข้อมูลทุกคอลัมน์ (Select * ...) และไม่มีการใช้ออปชัน Into ในคำสั่ง Select เราจะต้องสร้าง Table Structure ของตารางนั้นๆ ที่ Memory Space จากคำสั่ง Tables ก่อนเสมอ เช่น Tables customers เราก็จะได้ Structure ของตาราง customers ( เหมือนกับ Structure ที่สร้างจากคำสั่ง Data begin of... ทุกประการ) ดังรูป
Data wa_customers like customers.
Select * into wa_customers from customers.
Write: / wa_customers-id,wa_customers-name.
Endselect.
คราวนี้เรามาดูการทำงานของคำสั่ง Select ... Endselect ว่ามันจะทำงานในแบบ Set of Record เหมือนกันกับ Standard SQL หรือไม่ โดยที่หลังจากที่ระบบสร้าง Structure ของตาราง customers จากคำสั่ง Tables customers เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเมื่อ Taskhandler พบว่าคำสั่งต่อไปของโปรแกรม เป็นคำสั่งประเภท Open SQL ในตัวอย่างนี้ก็คือคำสั่ง Select ... Endselect ระบบก็จะส่งคำสั่งนี้ให้กับ DB Interface ทำงานตามหน้าที่ของมันก็คือแปลง Open SQL ให้เป็น Native SQL (เพราะ Database Server ไม่รู้จักคำสั่ง Select ... Endselect นั่นเอง) จากนั้น DB Interface ก็จะส่งคำสั่ง Native SQL นี้ไปให้กับดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ เพื่อค้นหาข้อมูลตามเงื่อนไขของคำสั่ง Select ซึ่งในขั้นตอนนี้ ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์จะทำงานตามคำสั่ง Select ในลักษณะของ Set of Record
จากนั้นเมื่อดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์พบข้อมูลที่ต้องการแล้ว ก็จะส่งผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Query กลับไปให้กับ DB Interface ในพื้นที่ที่เรียกว่า Result Set ซึ่งเป็นพื้นที่หน่วยความจำของ DB Interface ดังรูปที่ 2
.....รูปที่ 2. เมื่อดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์พบข้อมูลที่ต้องการแล้ว ก็จะส่ง Result หรือผลลัพธ์ของข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการทำ Query กลับไปให้กับ DB Interface ในพื้นที่ของ Result Set.....
โดยที่จะมี Pointer หรือ Cursor ชี้อยู่ที่เรคอร์ดแรกใน Result Set เสมอ หลังจากที่ได้รับ Result กลับมาจากดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นระบบจึงเริ่มทำงานคำสั่ง Select ... Endselect ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
.....รูปที่ 3. ผลจากการทำงานตามคำสั่ง Select * from customers.....
จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่อยู่ใน Table Structure ที่ Memory Space นั้น จะเป็นข้อมูลเรคอร์ดปัจจุบัน (Active Record) ของการทำงานในคำสั่ง Select ... Endselect นั่นเอง ดังนั้นหลังคำสั่ง Endselect ถ้าเราใช้คำสั่ง Write: / customers-id,customers-name. เราก็จะได้ข้อมูลเรคอร์ดสุดท้ายที่ค้างอยู่ที่ Memory Space นั่นเอง เนื้อหาของคำสั่ง Select ยังมีต่อนะครับ ติดตามตอนต่อไปในฉบับหน้า แล้วพบกันใหม่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น